𝐃𝐲𝐧𝐚𝐦𝐢𝐜 𝐏𝐫𝐢𝐜𝐢𝐧𝐠 คือราคาขายที่ไม่คงที่และเปลี่ยนแปลงได้

ซึ่งตรงข้ามกับ Static Pricing หรือราคาจะไม่ขึ้นลง แต่ fixed ตายตัวอยู่อย่างนั้น อาจจะราคาเท่ากันตลอดทั้งปี หรืออาจจะมีการแยกเป็น season ที่ชัดเจน แต่เมื่อระบุราคาแล้วจะไม่เปลี่ยน

โดยปกติแล้ว การกำหนดการขึ้นลงของราคาตามแบบฉบับ Dynamic Pricing นั้น จะถือขนาดของ demand เป็นหลัก เมื่อ demand สูงราคาก็จะถูกปรับให้สูงขึ้นตาม และเมื่อ demand ต่ำ ราคาก็ยังคงถูกตรึงไว้ที่ราคาไม่สูงนั่นเอง เพราะ demand เป็นตัวแปรหลัก เราจึงเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคา ตาม ระดับ occupancy ของโรงแรมเอง, การเปลี่ยนแปลงราคาของคู่แข่ง, ช่วงเวลาในการจอง และ seasonality

Dynamic Pricing ช่วยให้โรงแรม optimize revenue ได้อย่างไร

ชื่อก็บอกแล้วว่า dynamic นั่นคือเปลี่ยนแปลงได้ ในช่วงเวลาที่ market demand สูง โรงแรมสามารถตั้งราคาที่สูงขึ้น ที่จะทำให้ทั้งรายได้ และ profit margin สูงขึ้น เพราะอย่างที่ทราบกันว่า operating cost ของโรงแรมค่อนข้างคงที่ตายตัวและค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็น manpower cost เป็นหลัก ส่วนในช่วง low demand period โรงแรมสามารถลดราคา เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น ตาม Law of Demand สามารถทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นความสนใจและดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาจองโรงแรมแทนที่จะจองคู่แข่งเป็นต้น

ทุกวันนี้ Dynamic Pricing ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย เพราะมีโรงแรมใช้ระบบนี้กันมากมาย ในส่วนลูกค้าเองก็คุ้นชินกับระบบนี้เป็นอย่างดี ลูกค้าที่ชาญฉลาด จะรู้ว่า ถ้าอยากได้ราคาดีก็ต้องจองล่วงหน้า เลือกเดินทางท่องเที่ยวใน low seasonหรือวันธรรมดา ส่วนลูกค้าที่จำเป็นต้องเดินทาง และมีความสามารถในการจ่าย ก็จองตอนไหนก็ได้ เดินทางตอนไหนก็ได้ ตามแต่ใจปรารถนา

https://www.facebook.com/idsophis/posts/pfbid04urMQs9xpLP1X4aZEZmBJFj6LAVbG7euPfMMjfG6cYbRqTa6rpJAXxc8HtHEXEz9l