top of page
Search

𝐒𝐭𝐫𝐚𝐭𝐞𝐠𝐢𝐜 𝐒𝐥𝐨𝐰𝐧𝐞𝐬𝐬 หรือ ความเชื่องช้าเชิงกลยุทธ์

  • tutlisa7
  • Apr 19, 2024
  • 1 min read

Updated: May 31, 2024

เทรนด์ใหม่ของปี 2024 โดยศาสตราจารย์ Bob Sutton แห่ง Stanford University School ได้กล่าวไว้ในนิตยสารของ New York Times


เชื่อว่าหลายๆคนคงจะงงกับคำว่า Slow หรือการที่ให้ลดความเร็วลง โดยเฉพาะในด้านการทำงาน เพราะในทุกวันนี้การแข่งขันในแต่ละที่นั้นสูงมากไม่ว่าจะทั้งในหรือนอกองค์กร เรามักจะคุ้นชินกับการให้ความสำคัญกับทั้ง “ความเร็วและคุณภาพ” แต่ในปีนี้ “ความเชื่องช้าเชิงกลยุทธ์” หรือ “𝐒𝐭𝐫𝐚𝐭𝐞𝐠𝐢𝐜 𝐒𝐥𝐨𝐰𝐧𝐞𝐬𝐬” กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ที่คนเริ่มมีคนสนใจกันมากขึ้น วันนี้เรามี 4 สถานการณ์หลักๆที่ควรจะคิดและตัดสินใจให้ช้าลงหน่อย มานำเสนอแฟนเพจ


1. เมื่อต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ (ที่ไม่สามารถย้อนกลับได้)


ลองคิดภาพดูว่าเรามีประตูอยู่ 2 บานตรงหน้า ประตูบานแรกเป็นประตูที่ถ้าเราเลือกที่จะเปิดไปแล้ว เราไม่สามารถย้อนกลับมาได้ เราจะทำได้แค่เดินหน้าต่อไปถึงแม้ว่าที่นั้นจะไม่ใช่ที่ๆเราต้องการ และประตูบานที่สอง เป็นประตูบานที่หากเราเปิดไปแล้วเรารู้สึกว่าไม่ใช่ที่ๆเราต้องการ เราสามารถกลับมาอยู่ที่จุดเดิมได้ แต่เราจะไม่สามารถเปลี่ยนไปประตูบานอื่นได้อีกเลย การคิดไต่ตรองให้ดี ค่อยๆคิด สืบค้นข้อมูลที่เป็นไปได้เพื่อประกอบการตัดสินใจ ใช้ตรรกะ และใช้เวลากับมันให้มากที่สุด จะทำให้เราเจอทางออกที่ดีที่สุดและเลือกได้อย่างถูกต้อง


2. เมื่อต้องแก้ปัญหาที่ซับซ้อน


คนที่มี IQ สูงมักจะสามารถแก้ปัญหาพวก easy tasks ได้อย่างรวดเร็วกว่า difficult problems แต่ถึงแม้จะแก้ปัญหายากๆได้ช้าแต่สิ่งที่จะได้กลับมาแน่นอนคือความแม่นยำที่มากกว่า เพราะพวกเขาใช้เวลาในการตัดสินใจมากขึ้น นานขึ้น และพยายามมองหาทางออกที่จะเกิดข้อผิดพลาดได้น้อยที่สุด


3. เมื่อต้องทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์


Bob Sutton ได้กล่าวไว้ว่า “ไม่มีทางลัดไปสู่ความคิดสร้างสรรค์” เพราะฉะนั้นถ้าหากเราต้องการที่จะดึงเอาทักษะความคิดสร้างสรรค์ออกมาใช้ เราก็ต้องให้เวลากับมัน ถ้าเรายิ่งเร่งสมองเราก็จะยิ่งตันจนสุดท้ายงานที่ออกมาก็จะไม่ใช่งานที่มีประสิทธิภาพที่สุด


4. เมื่อต้องการลดความขัดแย้ง


โดยเฉพาะความขัดแย้งในทีมกันเอง ลองการใช้เทคนิค Pause, Think, and Jump เพื่อการลดปัญหานี้ดู เช่นเมื่อมีการไม่เข้าใจกันในทีม ให้ลองหยุดจากการประชุมก่อน จากนั้นให้ลองคิดในมุมมองของกันและกัน และพอได้บทสรุปค่อยลงมือทำ นอกจากจะลดการขัดแย้งในทีมแล้ว ยังให้เวลากับแต่ละคนในการคิดวิเคราะห์ใตร่ตรองในมุมมองต่างๆ ช่วยให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย


นี่เป็นแค่ 4 ตัวอย่างสถานการณืหลักๆที่ในบทความนี้เลือกมาพุดถึง แต่ในความจริงแล้วยังมีอีกหลากหลายสถานการร์ที่จะเกิดขึ้น บางทีการที่เราทำงานเสร็จคนแรกไม่ได้แปลว่ามันจะถูกต้องและดีที่สุดเสมอไป ถ้าผิดพลาดขึ้นมาก็ต้องไปแก้ใหม่อีกอยู่ดี กลับกันคนที่ค่อยๆทำค่อยๆคิดแต่งานออกมาชัวร์นั่นย่อมดีกว่าอย่างแน่นอน


Revenue Management Strategy ก็เช่นเดียวกันที่ต้องอาศัยเวลาในการคิดวิเคราะห์ ทำโจทย์หลายๆโจทย์ หลายทางเลือก หลาย projections เพื่อเลือกผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่างที่ Abraham Lincoln เคยกล่าวไว้ว่า Give me six hours to chop down a tree and I will spend the first four sharpening the axe. เพราะถ้าเรา executed กลยุทธ์ที่ไม่ถูกต้องลงไปแล้ว จำเป็นต้องใช้เวลานานมากกว่าในการปรับเปลี่ยน ฟื้นคืนให้กลับมาที่เดิม อย่าว่าแต่เพิ่มเติมให้ดีขึ้นเลย


เลยอยากทิ้งทายไว้ว่า บางอย่างเราก็ต้องเลือกทางที่ช้าแต่ชัวร์ บางที การนิ่งเฉย ปล่อยให้เวลาทำหน้าที่ของมัน ก็เป็น กลยุทธ์ที่ดีในบางครั้ง บางกรณี



ree


 
 
 

Comments


Subscribe

ID Sophisticated Company Limited

53 Sivatel Tower 16th Floor, Wireless Rd, Lumpini, Pathum Wan, Bangkok 10330

Tel: 092 2485618

©2022 by ID Sophisticated Company Limited

bottom of page